สรุป iPhone 17 จุดเด่นของแต่ละรุ่นคืออะไร มีอะไรน่าสนใจบ้าง?

TawanisSheep
10 ก.ย.
ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 19 ก.ย.

หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 17 ไปเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย

วันนี้ Sheep จะมาสรุปประเด็น iPhone 17 ให้ฟังกันอีกรอบ

ว่าจะมีอะไรใหม่และแตกต่างจากข่าวลือที่ผ่านมายังไงบ้าง ติดตามได้เลย!

iPhone 17 Series จะมีทั้งหมด 4 รุ่น คือ

iPhone 17

iPhone Air

iPhone 17 Pro

iPhone 17 Pro Max

iPhone 17 กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Apple

เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ว่า iPhone 17 Series จะมีรุ่นที่ชื่อว่า Air และในครั้งนี้ Apple ใช้ชื่อรุ่นว่า iPhone Air แบบที่ไม่มีเลขรุ่นต่อท้าย เรียกได้ว่าเป็นการแตกไลน์ใหม่ของ iPhone อีกครั้งในรอบหลายปี ซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนชื่อแล้ว ยังมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์หลังกล้อง ตำแหน่งของโลโก้ Apple สีที่ฉูดฉาดแปลกตาจากสีของรุ่น Pro ในเจนก่อน ๆ รวมไปถึงความบางของตัวเครื่อง iPhone Air ที่บางเพียงแค่ 5.6 มม. ซึ่งนับเป็นรุ่นที่บางที่สุดที่ Apple เคยมีมา

iPhone 17

สำหรับรุ่นนี้มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ (Black), สีขาว (White), สีม่วง (Lavender), สีฟ้า (Mist Blue) และสีเขียว (Sage)

iPhone 17 มาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมที่ 6.3” และขอบหน้าจอบางลง

รองรับ ProMotion และอัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz

เทียบเท่ากับรุ่น Pro ของเจนก่อนหน้านี้

iphone 17 air ไอโฟน 17 แอร์ สเปค ราคา กล้อง โมเดล เปรียบเทียบ pro max โปร แม็ก ออกวันไหน เปิดตัว สีอะไร spec อัพเดต สรุป apple

ส่วนในเรื่องของดีไซน์กล้องจะยังคงเหมือนกับ iPhone 16

แต่เซนเซอร์กล้องหน้านั้นจะใหญ่ขึ้น 2 เท่า มาพร้อมเซนเตอร์สเตจ 18MP

ที่สามารถรองรับการถ่ายได้ถึง 2 ทิศทางโดยที่ไม่จำเป็นต้องเอียงเครื่อง

และการถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

ขนาดหน้าจอ	OLED 6.3” พร้อม ProMotion
Refresh Rate	120Hz
ชิปเซต	A19
ความสว่าง	3,000 nits
กล้องหน้า	Center Stage 18MP
กล้องหลัง	กล้องหลังคู่ Fusion 48MP
Storage	256GB / 512GB
แบตเตอรี่	เล่นวิดีโอสูงสุด 30 ชั่วโมง
Apple Intelligence	✔️
ราคา	เริ่มต้น 29,900 บาท

iPhone Air

สำหรับรุ่นนี้มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ (Space Black), สีขาว (Cloud White), สีทอง (Light Gold) และสีฟ้า (Sky Blue)

iPhone Air เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของ Series นี้เลยก็ว่าได้

ด้วยดีไซน์ของตัวกล้องที่เปลี่ยนไปจากเดิม และยังมาพร้อมกับความบางที่ 5.6 มม.

เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่บางและเบาที่สุด ด้วยน้ำหนักเพียง 165 กรัม

รวมถึงใช้ชิป A19 Pro และโมเดมเวอร์ชันใหม่ของ Apple อย่าง C1X

ส่วนในเรื่องของกล้องที่แม้จะถูกปรับให้เหลือเพียงแค่ตัวเดียว

แต่ iPhone Air สามารถถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้

รวมถึงกล้องหน้าเซนเตอร์สเตจที่มีความละเอียดสูงถึง 18 MP

ช่วยให้ได้ภาพที่ละเอียดคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปหรือวิดีโอคอล

ขนาดหน้าจอ	OLED 6.5” พร้อม ProMotion
Refresh Rate	120Hz
ชิปเซต	A19 Pro
ความสว่าง	3,000 nits
กล้องหน้า	Center Stage 18MP
กล้องหลัง	กล้องหลังเดี่ยว Fusion 48MP
Storage	256GB / 512GB / 1TB
แบตเตอรี่	เล่นวิดีโอสูงสุด 27 ชั่วโมง
Apple Intelligence	✔️
ราคา	เริ่มต้น 39,900 บาท

iPhone 17 Pro / 17 Pro Max

มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน (Silver), สีกรม (Deep Blue) และสีส้ม (Cosmic Orange)

iPhone 17 Pro / 17 Pro Max กับการเปลี่ยนมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมอีกครั้ง

มาพร้อมกับระบบกระจายความร้อนแบบใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

รวมถึงในรุ่นนี้ยังถูกนับว่าเป็นรุ่นที่แบตเตอรี่อึดมากที่สุดของ iPhone อีกด้วย

ในส่วนของกล้องนั้นตัวกล้องหลัง 3 ตัว ปรับเป็น 48MP

กล้องหลังซูมออปติคัลถึง 8 เท่า

มาพร้อมกับโทนสีที่ฉูดฉาดขึ้นกว่ารุ่น Pro ในเจนอื่น ๆ และดีไซน์โลโก้ของ Apple ที่เลื่อนลงมาอยู่ด้านล่าง

ขนาดหน้าจอ	OLED 6.3” / OLED 6.9”
Refresh Rate	120Hz
ชิปเซต	A19 Pro
ความสว่าง	3,000 nits
กล้องหน้า	Center Stage 18MP
กล้องหลัง	กล้องหลัง 3 ตัว Fusion 48MP อัลตราไวด์ Fusion 48MP เทเลโฟโต้ Fusion 48MP
Storage	256GB / 512GB / 1TB / 2TB
แบตเตอรี่	iPhone 17 Pro เล่นวิดีโอสูงสุด 31 ชั่วโมง iPhone 17 Pro Max เล่นวิดีโอสูงสุด 37 ชั่วโมง
Apple Intelligence	✔️
ราคา	iPhone 17 Pro เริ่มต้น 43,900 บาท iPhone 17 Pro Max เริ่มต้น 48,900 บาท